เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจัดฟันมีอะไรบ้าง? เชื่อว่าการเตรียมตัวก่อนตัดสินใจจัดฟันเป็นครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และต้องพิจารณาให้ดีว่าเราพร้อมที่จะจัดฟันแล้วจริงหรือไม่ เนื่องจากการจัดฟันใช้เวลาที่ค่อนข้างนานประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาฟันและรูปแบบการจัดฟันที่เลือกทำ สำหรับใครที่กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะเลือกจัดฟันดีหรือไม่ วันนี้เราจะมาบอกต่อ 5 เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจัดฟัน
1. การจัดฟัน คืออะไร
การจัดฟัน (Orthodontics) คือ ศาตร์การรักษาฟันทางทันตกรรม โดยจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ฟันยื่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันกัดคร่อม และฟันสบผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาฟันทางทันตกรรมที่มีความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
2. การจัดฟันมีกี่รูปแบบ
การจัดฟันในปัจจุบันมีอยู่ 4 รูปแบบที่ได้รับความนิยม ได้แก่
1. จัดฟันแบบโลหะ
จัดฟันแบบโลหะ (Metal Bracket) เป็นการจัดฟันที่มีเครื่องมือติดแน่นบนฟัน โดยใช้แบร็คเก็ตโลหะ ลวดจัดฟัน และยางโอริงในการดึงฟันให้เคลื่อนที่และเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม
2. จัดฟันแบบเซรามิก
จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces) เป็นการจัดฟันที่มีเครื่องมือติดแน่นบนฟัน ซึ่งจะคล้ายคลึงกับการจัดฟันแบบโลหะ แต่ใช้เป็นวัสดุเซรามิกสีเหมือนฟันแทน
3. จัดฟันแบบดามอน
จัดฟันแบบดามอน (Damon System) เป็นการจัดฟันที่มีเครื่องมือติดแน่นบนฟัน ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีพิเศษเฉพาะที่เป็นบานพับและลวดชนิดพิเศษที่ทำให้ฟันเคลื่อนตัวและเข้าที่ได้เร็วยิ่งขึ้น
4. จัดฟันแบบใส
จัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นการจัดฟันที่สามารถถอดออกได้ ผลิตจากพลาสติกเกรดพิเศษด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความทันสมัยและสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างแม่นยำ
(อ่านเพิ่มเติม: การดัดฟันมีกี่แบบ แต่ละแบบมีจุดเด่นอะไร เหมาะกับใครบ้าง?)
3. ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการจัดฟัน
การจัดฟันเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาฟันทางทันตกรรม สำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือความมั่นใจ ซึ่งจะสามารถทำได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก อายุประมาณ 7-10 ปี ไปจนถึงช่วงวัยสูงอายุ แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ระยะเวลาในการเคลื่อนตัวและเข้าที่ของฟัน เนื่องจากช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่ขากรรไกรเริ่มมีการเจริญเติบโต ฟันจะเคลื่อนตัวและเข้าที่ได้ไว
(อ่านเพิ่มเติม: ตอบคำถาม หากเป็นผู้ใหญ่แล้วจะสามารถจัดฟันได้หรือไม่)
4. การเตรียมตัวและขั้นตอนในการจัดฟัน
- เข้าพบกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เพื่อรับคำแนะนำและข้อมูล รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดฟัน
- เมื่อตัดสินใจว่าต้องการจัดฟัน ทันตแพทย์จะทำการประเมินปัญหาฟันของคนไข้ และทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
- เมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้วว่าสามารถเข้ารับการจัดฟันได้ ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟัน ทำแบบจำลองการสบฟัน X-ray กะโหลกศรีษะและใบหน้า เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนในช่องปาก
- ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปาก และตรวจสอบว่ามีปัญหาใด ๆ ที่ต้องได้รับการรักษาก่อนหรือไม่ เช่น ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน รักษารากฟัน ถอนหรือผ่าฟันคุด เป็นต้น
- เมื่อเคลียร์ช่องปากเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาและติดเครื่องมือจัดฟันตามรูปแบบที่เลือก
- คนไข้อาจจะรู้สึกปวดตึงได้ในช่วงสัปดาห์แรก แต่สามารถบรรเทาอาการได้โดยการทานยาแก้ปวดตามที่ทันตแพทย์จัดให้
- คนไข้จะต้องเข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นประจำทุกครั้ง และมาตรวจสุขภาพช่องปากและฟันอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อตรวจดูฟันผุและขูดหินปูน
5. รีเทนเนอร์มีความสำคัญอย่างไร
รีเทนเนอร์ (Retainer) เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยคงสภาพฟันที่ผ่านการจัดฟันในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ฟันเรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม และป้องกันปัญหาฟันล้มหรือฟันเคลื่อนตัวหลังการจัดฟัน ซึ่งคนไข้ทุกคนที่จัดฟันเสร็จแล้ว จะต้องใส่รีเทนเนอร์ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
บทสรุป
การจัดฟันเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาฟันที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพราะจะใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน ในบางกรณีอาจมีการจัดฟันมากกว่า 3 ปีเลยก็ได้ ดังนั้น จึงต้องศึกษาข้อมูล รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดฟันให้ดีก่อน สำหรับใครที่ต้องการจัดฟันแต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะจัดฟันรูปแบบไหนจึงจะเหมาะสมมากที่สุด นอกจากจะศึกษาข้อมูลแล้วยังสามารถสอบถามทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาได้อีกด้วย เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
และที่ Dental Design Center ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกจัดฟันที่ครอบคลุมในการดูแลและรักษาปัญหาทันตกรรมทุกรูปแบบ พร้อมด้วยทีมทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญและเครื่องมือทางทันตกรรมที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล หากใครที่กำลังมองหาคลินิกจัดฟัน พัทยาอยู่ สามารถเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของคลินิกหรือที่เบอร์โทรศัพท์: 094-960-4966