เทคนิคการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมและตอบโจทย์มากที่สุด!
การเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะกับตัวเองถือเป็นเรื่องสำคัญสุด ๆ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดช่องปากได้จริง แถมยังช่วยรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีอยู่เสมอด้วย
- เทคนิคการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสม ประกอบไปด้วย ความแข็งของขนแปรง, ลักษณะปลายขนแปรง, จำนวนขนแปรง, ความยาวขนแปรง, ขนาดหัวแปรง, การดูดซึมน้ำของขนแปรง และลักษณะของด้ามจับ
- การดูแลแปรงสีฟันที่ถูกต้องจะช่วยสร้างสุขภาพช่องปากที่ดี โดยจะต้องล้างแปรงให้สะอาดหลังใช้, เปลี่ยนแปรงทุก ๆ 3 เดือน, ห้ามใช้แปรงร่วมกับคนอื่น, ต้องวางแปรงแยกกัน และห้ามเก็บแปรงในภาชนะปิดทึบ
การเลือกแปรงสีฟันถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะหากเลือกแปรงสีฟันที่ไม่ดีและไม่ตรงใจมาใช้ นอกจากจะทำให้ไม่ค่อยเอนจอยกับการแปรงฟันแล้ว ยังอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ในช่องปากได้อีกด้วย วันนี้ Dental Design Pattaya เลยจะมาแชร์วิธีเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสม ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง เพื่อให้ได้แปรงสีฟันที่ตรงใจและตอบโจทย์มากที่สุด
เทคนิคการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสม
1. ความแข็งของขนแปรง
เลือกความแข็งของขนแปรงสีฟันผิดชีวิตอาจจะเปลี่ยนได้ ซึ่งตามท้องตลาดในปัจจุบันมีแบบขนแปรงให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ขนอ่อน ขนปานกลาง หรือขนแข็ง ซึ่งการเลือกแปรงสีฟันเทคนิคนี้ จะต้องลองซื้อมาใช้ดูก่อนเพื่อให้รู้สัมผัสจริง ๆ แต่โดยปกติแล้วเราควรเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่มพอดี เพื่อถนอมสุขภาพเหงือกและฟัน แถมยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดี
2. ลักษณะปลายขนแปรง
หลายคนอาจจินตนาการไปแล้วว่าปลายขนแปรงแหลมดี เพราะน่าจะช่วยซอกซอนตามร่องฟันและเหงือกได้อย่างดีเยี่ยม แต่จริง ๆ แล้วกรมอนามัยบอกไว้ว่ามาตรฐานปลายขนแปรงควรเป็นแบบกลมมน หรือถ้าอยากออกแบบให้แหลมจะต้องไม่แหลมมากเกินไปและต้องใช้ขนแปรงแบบนุ่มเท่านั้น เพื่อไม่ให้ขนแปรงไปทำร้ายเหงือก จนเกิดปัญหาเหงือกร่นและคอฟันสึก ดังนั้นทางที่ดีเวลาเลือกแปรงสีฟันต้องเลือกปลายขนแปรงแบบมนเข้าไว้
3. จำนวนขนแปรง
เป็นวิธีเลือกแปรงสีฟันที่ต้องเดินทางสายกลาง เพราะยิ่งจำนวนขนแปรงเยอะมากเท่าไร ขนแปรงที่เอามาใช้จะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กมากเท่านั้น เพื่อให้สามารถวางบนหัวแปรงได้ ซึ่งถ้าเราเลือกแปรงสีฟันที่มีจำนวนขนแปรงน้อยเกินไป อาจทำให้ซอกซอนได้ไม่ดีเท่าไร แต่ถ้าเลือกจำนวนขนแปรงที่เยอะเกินไป จะทำให้ได้ขนแปรงที่แน่นแต่นุ่ม ซึ่งยากต่อการกำจัดคราบสกปรก ดังนั้นจึงต้องเลือกแบบพอดี ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาดช่องปากนั่นเอง
4. ความยาวขนแปรง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำความสะอาดฟัน โดยแปรงสีฟันที่จะได้มาตรฐานนั้นจะต้องมีความยาวของขนแปรงที่อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 7-13 มม. แล้วแต่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของขนแปรงที่เอามาใช้ ซึ่งถ้าเราอยากได้แปรงสีฟันที่ทำความสะอาดได้ดี จะต้องเลือกแปรงสีฟันที่มีความยาวขนแปรงแบบกำลังดี เพราะถ้าขนแปรงสั้นไปจะทำให้ซอกซอนไม่ดี ส่วนถ้าขนแปรงยาวไปจะทำให้ควบคุมทิศทางแปรงสีฟันได้ยาก
5. ขนาดหัวแปรง
ใครไปเดินช้อปของเข้าบ้านบ่อย ๆ จะเห็นเลยว่าขนาดหัวแปรงสีฟันแต่ละรุ่นไม่เท่ากัน บางรุ่นหัวแปรงเล็ก บางรุ่นหัวแปรงใหญ่ ซึ่งหัวแปรงแต่ละขนาดมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน อย่างหัวแปรงเล็กอาจซอกซอนดี แต่ใช้เวลานานกว่าจะทำความสะอาดทั่ว ส่วนหัวแปรงใหญ่อาจจะซอกซอนได้ไม่ดี แต่ใช้เวลาในการแปรงน้อยกว่า ซึ่งทุกคนต้องลองซื้อมาใช้เพื่อให้รู้ว่าขนาดหัวแปรงรุ่นไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุด โดยกรมอนามัยกำหนดมาตรฐานขนาดหัวแปรงไว้ ดังนี้
| อายุ | ขนาดของหัวแปรง | ||
| ความยาว | ความกว้าง | ความหนา | |
| น้อยกว่า 3 ปี | ไม่เกิน 20 มม. | ไม่เกิน 11 มม. | ไม่เกิน 6 มม |
| 3 – 6 ปี | ไม่เกิน 23 มม. | ไม่เกิน 11 มม. | ไม่เกิน 6 มม |
| 6 – 12 ปี | ไม่เกิน 27 มม. | ไม่เกิน 11 มม. | ไม่เกิน 6 มม |
| 12 ปี ขึ้นไป | ไม่เกิน 35 มม. | ไม่เกิน 15 มม. | ไม่เกิน 7 มม. |
6. การดูดซึมน้ำของขนแปรง
หลายคนน่าจะไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้เลยเวลาไปเลือกซื้อแปรงสีฟัน ซึ่งถ้าใครชอบเปลี่ยนแปรงสีฟันไปเรื่อย ๆ จะรู้เลยว่าขนแปรงแต่ละรุ่นมีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำที่ต่างกัน ซึ่งถ้าขนแปรงรุ่นไหนอมน้ำดี จะทำให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันทำงานได้ไม่ดี แถมยังเอื้อต่อการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคอีกด้วย ดังนั้นการเลือกแปรงสีฟันที่ดีจะต้องเลือกขนแปรงที่ไม่ดูดซึมน้ำและแห้งไวนั่นเอง
7. ลักษณะของด้ามจับ
เป็นปัจจัยในการเลือกแปรงสีฟันที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้เราสามารถควบคุมทิศทางแปรงสีฟันได้ดีมากขึ้น ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพการแปรงฟัน โดยบางแบรนด์ออกแบบลักษณะด้ามจับให้มีความโค้งตามรูปมือเพื่อให้จับถนัดและเข้ามือมากขึ้น ส่วนบางแบรนด์ออกแบบให้เป็น 8 เหลี่ยมเพื่อให้เวลาแปรงฟันขนแปรงจะทำมุม 45 องศากับซี่ฟัน ซึ่งช่วยในการกำจัดคราบพลัคได้ดีมากขึ้น
แปรงสีฟันไฟฟ้ากับแปรงธรรมดา แตกต่างกันยังไง?
ตอนนี้หลายคนเริ่มหันไปใช้แปรงสีฟันไฟฟ้ากันมากขึ้น เพราะรู้สึกง่าย สะดวก และสะอาด กว่าแปรงสีฟันธรรมดา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแปรงสีฟันไฟฟ้าต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาดังนี้
- ราคา แปรงสีฟันไฟฟ้ามีราคาแพงกว่าแปรงแบบธรรมดา แถมยังต้องซื้อหัวแปรงและแบตเตอรี่มาเปลี่ยนเรื่อย ๆ อีกด้วย
- ฟังก์ชันการทำงาน แน่นอนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้ามาพร้อมระบบสั่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการแปรงฟัน โดยที่ไม่ต้องขยับแปรงไปมาเหมือนแปรงสีฟันทั่วไป
หลังจากที่ทุกคนเลือกแปรงสีฟันที่ดีและเหมาะกับตัวเองได้แล้ว ก็ต้องรู้วิธีการดูแลแปรงสีฟันที่ถูกต้อง เพื่อสร้างสุขภาพช่องปากที่ดี
การดูแลแปรงสีฟันที่ถูกต้อง
- ล้างแปรงให้สะอาดหลังใช้ เพื่อกำจัดคราบยาสีฟัน เชื้อแบคทีเรีย และคราบพลัค ที่ติดอยู่กับขนแปรง
- เปลี่ยนแปรงทุก ๆ 3 เดือน เพราะขนแปรงสีฟันที่ผ่านการใช้งานมานานจะเสียรูป ทำให้ทำความสะอาดได้ไม่ดี แถมยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย
- ห้ามใช้แปรงร่วมกับคนอื่น เพราะนอกจากเราจะได้รับเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่พึงประสงค์จากคนอื่นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย
- ต้องวางแปรงแยกกัน สำหรับบ้านที่อยู่กันเยอะ ๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและช่วยป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
- ห้ามเก็บแปรงในภาชนะปิดทึบ เพราะเป็นที่ที่เกิดความชื้นง่าย ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์นั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือเทคนิคการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมและตอบโจทย์มากที่สุด ที่น่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อแปรงสีฟันที่ดีและเหมาะกับตัวเองได้ง่ายมากขึ้น และหากใครกำลังสนใจตรวจเช็กสุขภาพฟัน อุดฟัน รวมถึงการทำฟันปลอมและรากฟันเทียม ก็สามารถมาใช้บริการกับเราที่ Dental Design Pattaya ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทำฟัน พัทยา ด้วยการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้
Dental Design Pattaya คลินิกทันตกรรมครบวงจร มาตรฐานระดับโลก
- มั่นใจได้ในการบริการและคุณภาพในการรักษา ด้วยทีมทันตแพทย์ที่ผ่านการศึกษาจากสถาบันทั้งในและนอกประเทศ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากมาย
- เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยและครอบคลุมทุกการรักษา
- รักษาฟันผุด้วยการอุดฟัน เพื่อดูแลและรักษาฟันแท้ให้อยู่กับคนไข้ไปนาน ๆ
- ยืดอายุให้กับฟันด้วยการขูดหินปูน ลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคเหงือก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
การเลือกแปรงสีฟัน, แปรงสีฟัน