รากฟันเทียม เป็นวิธีการรักษารากฟันโดยการถอนรากฟันแท้ธรรมชาติออก จากนั้นจึงใส่รากฟันเทียมที่ถูกออกแบบมาเฉพาะเข้าไปแทนที่ เพื่อเป็นการทดแทนรากฟันแท้ที่สูญเสียไป ซึ่งหลังจากการผ่าตัดรากฟันเทียมแล้วนั้น ปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลังคือ “รากฟันเทียมอักเสบ” ที่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นแล้ว บทความนี้เราจะไปทำความเข้าใจกับปัญหารากฟันเทียมอักเสบ รวมทั้งวิธีการดูแลรักษารากฟันด้วย
รากฟันเทียมอักเสบมีอาการอย่างไร?
รากฟันเทียมอักเสบเป็นการติดเชื้อของรากฟันเทียมที่ถูกผ่าตัดใส่เข้าไป โดยปกติแล้วอาการของรากฟันเทียมมักจะเกิดขึ้นช่วง 1-3 เดือนหลังจากรักษารากฟันเทียม คนไข้จึงจำเป็นต้องสังเกตุตัวเองอยู่เสมอว่ามีอาการเหล่านี้ที่เสี่ยงต่อการเป็นรากฟันเทียมอักเสบหรือไม่
อาการปวด บวม และแดงของรากฟันเทียม
อาการนี้เป็นปัญหาที่ถูกพบมากที่สุดหลังจากทำการผ่าตัดรากฟันเทียม ซึ่งปกติแล้ว อาการปวด บวม และแดงของรากฟันเทียมจะปวดน้อยกว่าอาการปวดฟันตามธรรมชาติ แต่กระนั้นความรุนแรงของอาการนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรุนแรงมากจนไม่สามารถทนไหว จึงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทันที
น้ำหนองไหลออกจากรากฟันเทียม
น้ำหนองเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ เมื่อรากฟันเทียมมีน้ำหนองหรือของเหลวสีขุ่นไหลออกมา ไม่ควรปล่อยเฉยหรือรักษาด้วยตนเอง เพราะอาจเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงมากขึ้น และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรครากฟันเทียมอื่น ๆ ด้วย
รากฟันเทียมเกิดการโยก ไม่มั่นคง
สาเหตุที่ทำให้รากฟันเทียมโยกเป็นเพราะว่าการติดเชื้ออย่างรุนแรง ซึ่งการติดเชื้อจะไปทำลายกระดูกส่วนขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม ทำให้การเชื่อมยึดของรากฟันเทียมกับกระดูกส่วนขากรรไกรไม่มั่นคง จนเกิดอาการรากฟันเทียมโยกได้
ดังนั้นแล้ว หากคนไข้พบว่ารากฟันเทียมของตนมีอาการข้างต้นหรืออาการผิดปกติ คนไข้ควรเข้าพบแพทย์ในทันที เพื่อทำการรักษาและป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดรากฟันเทียมอักเสบ
สาเหตุรากฟันเทียมอักเสบเกิดจากอะไร?
รากฟันเทียมอักเสบเป็นปัญหาของกลุ่มคนที่เคยเข้ารับการผ่าตัดรักษารากฟันเทียมมาก่อน ซึ่งสาเหตุของรากฟันเทียมเกิดได้ทั้งตัวคนไข้เองและตัวของทันตแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญมากเพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดรากฟันเทียมอักเสบ
1. การติดเชื้อ
การติดเชื้อของรากฟันเทียมเกิดได้หลายช่วงเวลาของการรักษา ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการรักษาหรือผ่าตัดที่ไม่ปลอดภัยและไม่มีมาตราฐานเพียงพอ ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งอีกกรณีคือหลังจากการรักษา คนไข้ที่ไม่ดูแลรากฟันเทียมและไม่ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ก็มีโอกาสเกิดการติดเชื้อของรากฟันเทียมได้เช่นกัน
2. การผ่าตัดที่ไม่ดี
สาเหตุนี้เกิดจากตัวของทันตแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือประเภท เพราะหากทันตแพทย์ไม่เชี่ยวชาญทางด้านการรักษารากฟันเทียม ทำให้ผ่าติดผิดวิธี รวมทั้งความสะอาดและปลอดภัยไม่มากพอที่ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อของรากฟัน ดังนั้นแล้ว ก่อนเข้ารับการรักษารากฟันเทียม คนไข้ต้องคำนึงถึงความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญของคลินิก รวมถึงตัวของแพทย์ประจำคลินิกนั้น ๆ ก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอาการบาดเจ็บที่รุนแรงกับตัวคนไข้เอง
ดังนั้นแล้ว สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหารากฟันเทียมหรือต้องการปรึกษาทันตแพทย์ คลินิกทำฟัน พัทยา เป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางหนึ่ง หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการรักษาทางทันตกรรมได้ที่ Dental Design Center เพราะเรามีบริการทางทันตกรรมทุกรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสุขภาพช่อง ปากและฟัน สำหรับคนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย หรือในกรณีที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาฟันที่ต้องการรักษา ก็สามารถติดต่อได้โดยตรงกับทางเว็บไซต์ของคลินิก หรือเบอร์ 094-960-4966
3. การกระทบกระเทือนของรากฟันเทียม
ในช่วงแรกหลังการรักษารากฟันเทียม คนไข้ควรหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารแข็งหรือการใช้ฟันที่เพิ่งรักษาใหม่นั้นในการกัดของที่มีความแข็งหรือเหนียวมาก ๆ เพราะในช่างแรก รากฟันเทียมยังไม่แข็งแรงมากเพียงพอและยังประสานเข้ากับกระดูกส่วนขากรรไกรได้เข้าที่มากนัก หากรากฟันเทียมได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดการโยกและไม่ประสานตัวเข้ากับกระดูกส่วนขากรรไกรได้ จนทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากได้
4. กระดูกไม่แข็งแกร่งหรือไม่เพียงพอ
ปกติแล้ว สาเหตุนี้เกิดขึ้นได้น้อยที่สุด เพราะทุกครั้งก่อนที่ทันตแพทย์จะทำการรักษารากฟันเทียม ทันตแพทย์จะตรวจสอบและประเมินคนไข้ก่อนทุกครั้ง หากคนไข้มีกระดูกไม่แข็งแรงหรือไม่เพียงพอต่อการทำรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะปลูกถ่ายกระดูกก่อนเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
5. ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์
การเผิกเฉยและไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดรากฟันเทียมและปัญหาอื่น ๆ เพราะหลังการรักษารากฟันเทียมเสร็จสิ้น คนไข้ต้องดูแลรากฟันเทียมให้ดีและสะอาดมากเพียงพอ เพื่อยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียมให้นานมากยิ่งขึ้น
วิธีป้องกันการเกิดรากฟันเทียมอักเสบ
การป้องการการเกิดรากฟันเทียมเป็นวิธีการดูแลรักษาหลังการผ่าตัด คนไข้สามารถปฏิบัติได้เองง่าย ๆ ด้วยวิธีการหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอและใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดอยู่ในช่องปาก รวมทั้งการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดรากฟันเทียมอักเสบ เช่น งดการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแข็ง เหนียว เพราะพฤติกรรมพวกนี้เสี่ยงทำให้รากฟันเทียมเสียหายอย่างรุนแรง จนเกิกปัญหารากฟันเทียมอักเสบได้ นอกจากนี้ อีกหนึ่งวิธีที่คนไข้ต้องทำหลังการผ่าตัดอย่างเด็ดขาดคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
รักษารากฟันเทียมอักเสบให้หาย
วิธีที่ง่ายและมีประสิทธิมากที่สุดสำหรับการรักษารากฟันเทียมอักเสบคือการเข้าพบทันตแพทย์ที่ทำการรักษา หรือทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ รู้ถึงข้อดีข้อเสียของการทำรากฟันเทียม เพราะปัญหารากฟันเทียมอักเสบเป็นปัญหาที่รุนแรงมาก คนไข้ไม่สามารถดูแลหรือรักษาด้วยตัวเองได้ จึงจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เมื่อเกิดอาการผิดปกติของรากฟันเทียม แต่ในบางกรณีอาจถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด หากรากฟันเทียมอักเสบอย่างรุนแรง
บทสรุป
การเกิดอาการรากฟันเทียมอักเสบเป็นปัญหาทางทันตกรรมที่รุนแรง เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การดูแลรักษาที่ไม่ดีหรือปัญหาจากการรักษาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดอาการผิดปกติบริเวณรากฟันเทียม ดังนั้นควรไปพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยและกำหนดแนวทางการรักษารากฟันเทียมอักเสบ