รากฟันเทียม เป็นการรักษาเพื่อทดแทนการสูญเสียรากฟันตามธรรมชาติไป ซึ่งการสูญเสียฟันแท้จะตามมาด้วยผลกระทบมากมายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาทางทันตกรรมจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด ซึ่งในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับการทำรากฟันเทียม รากฟันเทียมคืออะไร? ทำไมถึงต้องทำเพื่อทดแทนรากฟันตามธรรมชาติ
รากฟันเทียม คืออะไร
การทำรากฟันเทียม (dental implant) คือ กระบวนการรักษาทางทันตกรรมที่จะช่วยทดแทนรากฟันจริง เพื่อรองรับทันตกรรมฟันปลอม ครอบฟัน หรือสะพานฟัน โดยที่รากฟันเทียมผลิตจากวัสดุไทเทเนียมที่สามารถเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี และมีการใช้ทางการแพทย์โดยทั่วไป ซึ่งเป็นการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับฟันตามธรรมชาติมากที่สุด
ส่วนประกอบของรากฟันเทียม
- รากเทียม (Fixture) ทำหน้าที่แทนรากฟันตามธรรมชาติ
- ตัวฐานรองรับ (Abutment) ทำหน้าที่ทดแทนโครงสร้างของแกนฟัน ใช้รองรับตัวครอบฟัน
- ครอบฟัน (Crown) ทำหน้าที่เป็นตัวฟันที่ทำจากเซรามิก คล้ายกับฟันตามธรรมชาติ
หลักการทำงานของรากเทียม
เมื่อทำการฝังรากเทียมเข้าไปแล้ว รากเทียมจะมีการทำงานร่วมกับกระดูกขากรรไกร โดยที่กระดูกจะมีการเจริญเติบโตขึ้นมาเชื่อมกับรากฟันเทียมที่ฝังเข้าไป เพื่อทำหน้าที่ในการรองรับฟัน และช่วยให้สามารถใช้งานฟันได้เหมือนกับฟันแท้ตามธรรมชาติ
การทำรากฟันเทียมเหมาะกับใคร
- คนไข้ที่มีการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติไป ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียจากอุบัติเหตุ หรือสาเหตุจากการรักษาปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน เช่น การถอนฟัน
- คนไข้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- คนไข้ที่มีสุขภาพดี สามารถเข้ารับการรักษารากฟันเทียมได้
- คนไข้ที่ได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันจากการสูญเสียฟัน
ทำไมถึงต้องทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียม เป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาฟันเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันแท้ ซึ่งจะสามารถใช้งานได้เหมือนกับฟันแท้ตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยวอาหาร การออกเสียง การทำความสะอาด รวมถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ การทำรากฟันเทียมเป็นการทำทันตกรรมที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างมาก เนื่องจากเป็นการรักษาโดยใช้วัสดุไทเทเนียมที่มีความคล้ายกับฟันแท้ตามธรรมชาติมากที่สุด แถมยังเป็นวัสดุที่สามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอาการแพ้ หรือส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว
การทำรากฟันเทียมมีกี่ประเภท
การทำรากฟันเทียมสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
รากฟันเทียมแบบซี่เดียว
การทำรากฟันเทียมแบบซี่เดียว (Single Dental Implant) เป็นการทำรากฟันเทียมในกรณีที่มีการสูญเสียฟันเพียงซี่เดียว หรือเป็นการสูญเสียฟันมากกว่า 1 ซี่ แต่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งติดกัน โดยไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อฝังรากเทียม
รากฟันเทียมแบบหลายซี่
การทำรากฟันเทียมแบบหลายซี่ (Implant-supported bridge) เป็นการทำรากฟันเทียมในกรณีที่มีการสูญเสียฟันมากกว่า 1 ซี่ขึ้นไปในตำแหน่งติดกัน โดยอาจจะต้องมีการกรอฟันข้างเคียง เพื่อใช้เป็นตัวยึดสะพานฟันสำหรับการครอบลงไปบนรากเทียม
รากฟันเทียมแบบทั้งปาก
การทำรากฟันเทียมแบบทั้งปาก (Implant-Retained Denture) เป็นการทำรากฟันเทียมในกรณีที่มีการสูญเสียฟันแบบทั้งปาก หรือเรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียฟันไปทั้งขากรรไกร โดยจะทำการวางเรียงไปบนแนวเหงือกทั้งด้านบนหรือด้านล่าง
(อ่านเพิ่มเติม: ฟันปลอมกับรากฟันเทียม ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกแบบไหนถึงใช่มากที่สุด)
บทสรุป
การทำรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทางและประสบการณ์ของทันตแพทย์ เนื่องจากเป็นการทำทันตกรรมที่มีการผ่าตัดร่วมด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบทั้งความน่าเชื่อถือของคลินิกทันตกรรม ความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์ และคุณภาพของเครื่องมือทุกชิ้นในการรักษา
หากใครกำลังมองหาคลินิกทำฟัน พัทยาที่มีบริการรักษารากฟันเทียม ที่ Dental Design Center พร้อมและยินดีให้บริการ เพราะที่ Dental Design Center เป็นคลินิกทันตกรรมครบวงจรที่มีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในทุกสาขา พร้อมด้วยเครื่องมือทันตกรรมที่มีความทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล สามารถติดต่อสอบถามเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์: 094-960-4966 หรือที่เว็บไซต์ของคลินิก