วิธีใช้น้ำยาบ้วนปากที่ถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
คนที่สนใจหรือเพิ่งเริ่มใช้น้ำยาบ้วนปาก คงอยากจะรู้วิธีใช้น้ํายาบ้วนปากที่ถูกต้องว่าต้องใช้ยังไงและต้องใช้ตอนไหน ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- ขั้นตอนและวิธีใช้น้ํายาบ้วนปากที่ถูกต้อง คือ ให้เทน้ำยาบ้วนปากประมาณ 20 มล. ลงในฝาขวดที่ให้มา แล้วค่อยนำไปกลั้วปากประมาณ 30-60 วินาที และเมื่อครบเวลาก็ให้บ้วนน้ำยาบ้วนปากทิ้งก็เป็นอันเสร็จ
- น้ำยาบ้วนปากช่วยอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ช่วยลดกลิ่นปากเพื่อสร้างลมหายใจที่หอมสดชื่น, ช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุ, ช่วยให้ช่องปากชุ่มชื่นกว่าเดิม, ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น, ช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก, ช่วยป้องกันคราบจุลินทรีย์และโรคเหงือกอักเสบได้
“ ตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดคุย ”
หลายคนที่กังวลเรื่องปัญหากลิ่นปากจนอยากลองใช้น้ำยาบ้วนปาก ตามคำเคลมในโฆษณาที่บอกคุณสมบัติมาแบบจัดเต็ม แต่ยังไม่รู้ว่าน้ำยาบ้วนปากต้องใช้ตอนไหนและต้องใช้ยังไง ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด วันนี้ Dental Design Pattaya เลยจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำยาบ้วนปากว่ามีประโยชน์ยังไง รวมถึงวิธีใช้น้ํายาบ้วนปากและข้อควรรู้ดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด
น้ำยาบ้วนปาก มีทั้งหมดกี่ประเภท?
โดยปกติแล้วคนธรรมดาทั่วไปมักจะไม่ค่อยรู้ว่า จริง ๆ แล้วน้ำยาบ้วนปากนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่ต่างกันดังนี้
- น้ำยาบ้วนปากแบบทั่วไป คือ น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีสารเคมีที่สามารถกำจัดแบคทีเรียในช่องปากได้ ทำให้มีคุณสมบัติในการลดกลิ่นปากได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น
- น้ำยาบ้วนปากแบบใช้รักษาโรค คือ น้ำยาบ้วนปากที่มีสารเคมีที่สามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียในช่องปากได้ จึงช่วยป้องกันโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ได้
ส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปาก มีอะไรบ้าง?
เวลาไปเดินเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปากด้วยตัวเอง จะเห็นเลยว่าแต่ละยี่ห้อแต่ละสูตรมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะส่วนผสมด้านในที่ผู้ผลิตใส่เข้ามา ซึ่งส่วนผสมหลัก ๆ ในน้ำยาบ้วนปากก็จะมีดังนี้
- เซทิลไพริดิเนียมคลอไรด์ (Cetylpyridinium Chloride) ช่วยยับยั้งกลิ่นปากและต้านเชื้อแบคทีเรีย
- คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) ช่วยลดคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก พร้อมรักษาโรคเหงือกอักเสบได้
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ช่วยลดคราบจุลินทรีย์ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยทำให้ฟันดูขาวขึ้นเล็กน้อย
- ฟลูออไรด์ (Fluoride) ช่วยให้ผิวเคลือบฟันทนทานต่อกรด พร้อมยับยั้งไม่ให้ผิวเคลือบฟันผุ
- สารประเภทดีเทอร์เจนต์ (Detergent) ช่วยต้านคราบจุลินทรีย์และรักษาโรคเหงือกอักเสบ
- คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) ช่วยทำให้สีฟันดูขาวขึ้น
- เอนไซม์ต้านแบคทีเรีย ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปาก และช่วยลดอาการปากแห้งได้
- เอทิลแอลกอฮอล์ ช่วยลดคราบจุลินทรีย์เหนือแนวเหงือก พร้อมป้องกันโรคเหงือกอักเสบได้
- น้ำมันหอมระเหย ช่วยต้านแบคทีเรียและดับกลิ่นปากได้ระยะเวลาหนึ่ง
- สมุนไพรและส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความสดชื่น เพื่อลมหายใจที่หอมสะอาด
วิธีใช้น้ำยาบ้วนปากที่ถูกต้อง
สำหรับใครที่รู้สึกว่าการแปรงฟันอย่างเดียวไม่เพียงพอ เลยต้องการหาตัวช่วยเสริมอย่างน้ำยาบ้วนปากมาใช้ เพื่อให้สามารถออกไปใช้ชีวิตพบปะผู้คนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น จะต้องรู้วิธีใช้น้ำยาบ้วนปากที่ถูกต้อง เพื่อเสริมให้น้ำยาบ้วนปากทำงานได้เต็มประสิทธิภาพกว่าที่เคย ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- เทน้ำยาบ้วนปากประมาณ 20 มล. หรือประมาณ 4 ช้อนชา ลงในฝาขวดที่ให้มา
- แล้วจึงกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปากนั้นประมาณ 30-60 วินาที
- เมื่อครบเวลาให้บ้วนน้ำยาบ้วนปากทิ้งก็เป็นอันเสร็จ
ซึ่งทุกคนสามารถเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากตามที่ตัวเองสะดวก ไม่ว่าจะก่อนแปรงฟันหรือหลังแปรงฟัน โดยไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำเปล่าตาม
น้ำยาบ้วนปากช่วยอะไรได้บ้าง?
ถึงแม้การแปรงฟันจะเป็นการทำความสะอาดฟันที่สำคัญและดีที่สุด แต่การใช้น้ำยาบ้วนปากควบคู่ไปกับการแปรงฟันก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ไม่น้อย ซึ่งประโยชน์ของน้ำยาบ้วนปากนั้นมีหลายอย่างดังนี้
- ช่วยลดกลิ่นปาก พร้อมสร้างลมหายใจที่หอมสดชื่น
- ช่วยลดโอกาสฟันผุ เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวเคลือบฟัน
- ช่วยให้ช่องปากชุ่มชื่น ลดภาวะปากแห้งเนื่องจากน้ำลายน้อย
- ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น สำหรับสูตรที่มีส่วนผสมของสารฟอกสีฟัน
- ช่วยลดแบคทีเรีย พร้อมป้องกันคราบจุลินทรีย์และโรคเหงือกอักเสบได้
ข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำยาบ้วนปาก
1. เด็กเล็กไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปาก
ผู้ปกครองหลายคนอาจไม่รู้ว่าเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 7 ปี ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปาก เพราะเด็กเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะกลืนน้ำยาบ้วนปากลงท้องได้ และหากได้รับน้ำยาบ้วนปากเกินขนาดก็อาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว และอาจรุนแรงถึงขั้นหมดสติได้
2. ไม่ควรบ้วนนานเกินไป
หลายคนชอบคิดไปเองว่าถ้าอยากให้น้ำยาบ้วนปากทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หรืออยากให้ลมหายใจที่หอมสดชื่นอยู่กับเรานานขึ้นกว่าเดิม จะต้องกลั้วและอมน้ำยาบ้วนปากเอาไว้นาน ๆ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะถ้าเราใช้น้ำยาบ้วนปากเกิน 1 นาที จะทำให้ช่องปากเกิดอาการระคายเคืองได้
3. ไม่ควรบ้วนน้ำตาม
หลายคนที่ชอบบ้วนน้ำเปล่าตามทุกครั้งหลังใช้น้ำยาบ้วนปาก อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าการทิ้งคราบน้ำยาบ้วนปากเอาไว้โดยที่ไม่บ้วนน้ำเปล่า จะทำให้ร่างกายได้รับสารเคมีมากเกินไป แต่จริง ๆ แล้วการบ้วนน้ำเปล่าตามนั้นเป็นการไปชำระล้างสารฟลูออไรด์ที่เคลือบฟันอยู่ให้หลุดออก ซึ่งเป็นการลดประสิทธิภาพน้ำยาบ้วนปาก ดังนั้น จึงควรปล่อยให้ส่วนผสมทำงานประมาณ 30 นาที จึงค่อยบ้วนปากหรือดื่มน้ำตาม
ทั้งหมดนี้ คือ วิธีใช้น้ำยาบ้วนปากที่ถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ที่น่าจะช่วยให้ทุกคนรู้ขั้นตอนและเทคนิคการบ้วนปาก เพื่อสร้างลมหายใจหอมสดชื่นได้แบบยาว ๆ และหากใครกำลังสนใจตรวจเช็กสุขภาพฟัน ขูดหินปูน รวมถึงการจัดฟันหรือทำรากฟันเทียม ก็สามารถมาใช้บริการกับเราที่ Dental Design Pattaya ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทำฟัน พัทยา ด้วยการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้
Dental Design Pattaya คลินิกทันตกรรมครบวงจร มาตรฐานระดับโลก
- มั่นใจได้ในการบริการและคุณภาพในการรักษา ด้วยทีมทันตแพทย์ที่ผ่านการศึกษาจากสถาบันทั้งในและนอกประเทศ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากมาย
- เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยและครอบคลุมทุกการรักษา
- ยืดอายุให้กับฟันด้วยการขูดหินปูน ลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคเหงือก
- รักษาฟันผุด้วยการอุดฟัน เพื่อดูแลและรักษาฟันแท้ให้อยู่กับคนไข้ไปนาน ๆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
น้ํายาบ้วนปาก, วิธีใช้น้ํายาบ้วนปาก